ประวัติหลวงปู่สรวง (เทวดาเดินดิน)

ประวัติหลวงปู่สรวง (เทวดาเดินดิน)

ประวัติหลวงปู่สรวง(เทวดาเดินดิน)

หลวงปู่สรวงที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน เป็นพระสงฆ์ที่ได้รับความเคารพนับถือในท้องถิ่นอำเภอขุขันธ์และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตามเชิงเขาพนมดงรัก ชาวบ้านมักพบเห็นท่านในลักษณะเป็นผู้ทรงศีล ปฏิบัติธรรม และพักอาศัยอยู่ตามกระท่อมในไร่นาของชาวบ้าน บางครั้งก็พบเห็นท่านเดินทางไปที่ต่างๆ ไม่ประจำที่ใดที่หนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ชาวบ้านเริ่มรู้สึกว่าหลวงปู่เป็นผู้มีคุณวิเศษ เหนือกว่าคนทั่วไป จึงเรียกท่านว่า “ลูกเอ็าวเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ” ซึ่งเป็นภาษาเขมร หมายถึงพระดาบสที่ปฏิบัติธรรมอยู่ตามป่าเขา

ไม่มีใครทราบถิ่นกำเนิดที่แท้จริงและอายุของหลวงปู่ บางคนเล่าว่าท่านเป็นชาวเขมรต่ำ ที่ได้เข้ามาในประเทศไทยนานแล้ว ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยพบเห็นท่านมาตั้งแต่เด็ก ก็เล่าว่าท่านมีรูปลักษณะไม่ต่างจากที่เห็นในปัจจุบัน หลวงปู่มักพูดน้อยและไม่เคยเล่าประวัติส่วนตัวให้ใครฟัง ทำให้ไม่มีใครรู้ประวัติและอายุที่แท้จริงของท่านได้

หลวงปู่มักจะเดินทางไปในพื้นที่แถบชายแดน เช่น บ้านตะเคียนราม อำเภอภูสิงห์, บ้านลุมพุก, บ้านโคกโพน และหมู่บ้านอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ท่านมักจะพักอยู่ที่กระท่อมในนา หรือตามต้นโพธิ์ในบางที่ แต่ไม่ค่อยอยู่ที่ใดที่หนึ่งนาน ๆ บางครั้งท่านก็หายไปเป็นเวลานานถึงสองถึงสามปีก่อนจะกลับมาใหม่

ในช่วงหลังนี้ มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งที่อาสาขับรถให้ท่านเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ทำให้หลวงปู่เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั่วประเทศ ท่านได้เดินทางไปแทบทุกจังหวัดในประเทศไทย มีผู้คนมากมายมาขอพรและคำแนะนำจากท่าน


 

เหตุการณ์สุดท้ายของหลวงปู่สรวง

ในวันหนึ่ง ลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้พาท่านมาที่กระท่อมในบริเวณต้นโพธิ์บ้านขยอง อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ หลวงปู่ได้ขอให้ลูกศิษย์หามท่านออกมาจากกระท่อมและวางลงที่พื้นดินด้านทิศเหนือระหว่างกระท่อมกับต้นมะขาม ท่านเทน้ำจากขวดที่มีผู้นำมาถวายรดตัวเองจนเปียกโชก คล้ายกับการสรงน้ำครั้งสุดท้าย ลูกศิษย์จึงพาหลวงปู่ไปที่กระท่อมบ้านรุน แต่เมื่อถึงกระท่อม หลวงปู่มีอาการหนักขึ้น ลูกศิษย์พยายามจัดหาอาหารมาถวาย แต่หลวงปู่ไม่ยอมฉันเลย

ทุกคนจึงตัดสินใจทำพิธีขันธ์ห้า ขันธ์แปดเพื่อขอขมาหลวงปู่ตามประเพณีที่เคยปฏิบัติมา นายสัญชัยและนายสุข ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดได้เตรียมรถพาหลวงปู่ไปโรงพยาบาล แต่ระหว่างทาง หลวงปู่มีอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดท่านก็ละสังขารอย่างสงบระหว่างทางไปโรงพยาบาลบัวเชด

เมื่อถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้ตรวจร่างของหลวงปู่และยืนยันว่าท่านได้สิ้นลมไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ถึง 4 ชั่วโมง ลูกศิษย์จึงพาร่างของหลวงปู่กลับไปยังวัดบ้านไพรพัฒนา และแจ้งให้หลวงพ่อพุฒ วายาโม เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนาทราบว่า หลวงปู่สรวงได้ละสังขารแล้ว

หลวงปู่สรวงนั้นเป็นพระสงฆ์ที่เป็นที่เคารพนับถือจากผู้คนจำนวนมาก ด้วยความเมตตาและปฏิบัติธรรมอย่างยาวนานตลอดชีวิต ทำให้ท่านได้รับการยกย่องเป็น "เทวดาเดินดิน" ของชาวบ้าน

 

เหตุการณ์ที่สรีระของหลวงปู่สรวงถูกนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดไพรพัฒนา

เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่หลวงพ่อพุฒกำลังสนทนากับพระลูกวัดอยู่ ได้มีรถเข้ามาจอดที่วัดไพรพัฒนา 4 คัน นายสาด ลูกศิษย์ของหลวงปู่สรวงลงจากรถมาแจ้งกับหลวงพ่อพุฒว่า "หลวงปู่สรวงมรณภาพแล้ว" เมื่อได้ฟังดังนั้น หลวงพ่อพุฒก็รู้สึกอึ้งไปครู่หนึ่งและถามว่า "หลวงปู่มรณภาพที่ไหน" นายสาดตอบว่า "ที่โรงพยาบาล" พร้อมกับแจ้งว่าร่างของหลวงปู่ถูกนำมาพร้อมกับรถที่จอดอยู่แล้ว

หลวงพ่อพุฒจึงลงไปเปิดประตูรถและกราบลงบนตักของหลวงปู่ จากนั้นได้จับตามร่างกายและหน้าอกของท่านเพื่อเช็คว่า หลวงปู่ได้ละสังขารจริง ๆ หลังจากนั้น หลวงพ่อพุฒถามลูกศิษย์ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ลูกศิษย์ทุกคนรวมทั้งนายสัญชัยได้บอกว่าจะนำสรีระของหลวงปู่ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านขยุง หลวงพ่อพุฒจึงบอกให้ขบวนรถเดินทางไปก่อน แล้วท่านจะตามไปภายหลัง

ขบวนรถทั้ง 4 คันจึงออกเดินทางไปยังวัดบ้านขยุง หลวงพ่อพุฒจึงครองจีวรและเตรียมอุปกรณ์ ก่อนจะออกเดินทาง ท่านได้อธิษฐานว่า “สาธุ ถ้าหากหลวงปู่มีความประสงค์ให้ลูกหลานได้เป็นผู้บำเพ็ญกุศล ก็ขอให้หลวงปู่ได้กลับมาที่วัดด้วยเถิด” จากนั้นก็ได้นั่งรถติดตามไปบ้านขยุง

เมื่อขบวนรถของหลวงพ่อพุฒไปถึงบ้านโคกชาด พบว่ามีรถหลายคันจอดอยู่และส่งสัญญาณไฟบอกให้จอด หลวงพ่อพุฒจึงลงไปสอบถาม พบว่ารถเหล่านั้นเป็นรถที่นำสรีระของหลวงปู่มาและกำลังจะกลับไปที่วัดไพรพัฒนา เมื่อได้รับแจ้งดังนั้น หลวงพ่อพุฒก็ขับรถตามไปที่วัด เมื่อมาถึงวัดพบว่ารถที่บรรทุกร่างของหลวงปู่จอดอยู่ที่ด้านทิศตะวันออกของศาลา ท่านจึงบอกให้หยุดการเคลื่อนไหวใด ๆ และสั่งให้พระลูกวัดจัดเตรียมสถานที่ตั้งศพบนศาลา

จากนั้นหลวงพ่อพุฒได้นำธูปเทียนมากราบไหว้ขอขมาลาโทษ และนิมนต์ร่างของหลวงปู่ขึ้นมาตั้งไว้บนศาลาที่เตรียมไว้ ท่านได้จุดธูปอธิษฐานว่า “หากเป็นความประสงค์ของหลวงปู่จะให้ลูกหลานบำเพ็ญกุศลที่นี่จริง ก็ขอให้ดำเนินการไปโดยเรียบร้อย และขอให้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่มาร่วมบำเพ็ญกุศลโดยทั่วกัน” จากนั้นก็ได้เริ่มทำพิธีบำเพ็ญกุศลให้กับหลวงปู่

คำสอนและพรของหลวงปู่สรวง

หลวงปู่สรวงมีคำสอนที่ลูกศิษย์ได้ยินบ่อย ๆ คือ “ออย เตียน สรูล” ซึ่งแปลว่า "ให้ทาน มีความสุข" นอกจากนี้หลวงปู่ยังให้พรแก่ลูกศิษย์เสมอว่า “บายตึ๊กเจีย” ซึ่งแปลว่า "ข้าวน้ำดี" หมายถึงการให้อยู่ดีมีสุข อุดมสมบูรณ์ด้วยความพอเพียง

การมีกลุ่มลูกศิษย์และผู้ที่ศรัทธามากราบไหว้หลวงปู่อยู่เสมอ ทำให้บางคนสมหวังได้มีโอกาสกราบนมัสการท่าน บางคนต้องรอเป็นเวลานาน แต่ทุกคนก็ยินดีอดทนรอเพียงเพื่อให้ได้มีโอกาสกราบนมัสการหลวงปู่สักครั้งในชีวิต


ความเรียบง่ายและเมตตาของหลวงปู่สรวง

หลวงปู่สรวงเป็นพระที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ท่านจำวัดอยู่ตามกระท่อมปลายนาหลังเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นจากไม้กระดานเพียงไม่กี่แผ่น ทุกกระท่อมที่ท่านจำวัดอยู่มักมีสัญลักษณ์เช่น เสาไม้ไผ่สูงๆ หรือว่าวขนาดใหญ่ที่ทำจากจีวรหรือกระดาษ ท่านมักจะก่อกองไฟไว้เสมอเพื่อสร้างความอบอุ่น และมีความเชื่อว่าไฟนี้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเพื่อขจัดสิ่งไม่ดี

หลวงปู่สรวงเป็นที่เคารพและนับถือของผู้คนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนยากจนหรือเศรษฐี ท่านให้ความเมตตาและความสำคัญกับทุกคนเท่ากัน ไม่มีการแบ่งแยกหรือให้สิทธิ์พิเศษแก่ใคร ทำให้มีผู้มานมัสการท่านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และหลวงปู่ยังคงเป็นที่ระลึกถึงในใจของผู้ที่เคารพศรัทธาต่อไป


 

บทความอื่นๆ ของเรา